More Related Content
Similar to สรุปผลจากการเสวนา อุตสาหกรรม IT พบสื่อ: Digital Economy (20)
More from IMC Institute (15)
สรุปผลจากการเสวนา อุตสาหกรรม IT พบสื่อ: Digital Economy
- 1. คน IT พบสื่อ: Digital Economy
นายกสมาคม ATCI มีแนวทางในการนำ cloud มาใช้เป็นโครงสร้างพื้นฐานในส่วนที่เป็น application ใช้
แนวทางการทำงานร่วมกันหลายๆ สมาคม สำหรับคำว่า Digital Economy ควรจะต้องมาตกลงกันว่า concept คือ
อะไร แล้วภาคอุตสาหกรรมต้องการอะไร จริงๆ แล้ว Digital Economy ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ควรจะต้องทำความเข้าใจ
ให้ตรงกันก่อนว่า Digital Economy เป็นเรื่องของการนำเทคโนโลยีมาใช้เสริมศักยภาพการทำงานให้มีประสิทธิภาพ
เพิ่มขึ้นและช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานของภาคธุรกิจ
เป้าหมายของการประชุมวันนี้
การประชุมวันนี้จัดขึ้นเพื่อหารือและทำความเข้าใจ Digital Economy ให้ตรงกันในกลุ่มคนไอที รวมถึงการ
กำหนดเป้าหมายและยุทธศาสตร์ โดยเบื้องต้นอาจจะต้องเริ่มจากคำนิยามก่อน จากนั้นรวบรวมประเด็นที่เกี่ยวข้อง
และจัดทำเป็น concept paper เพื่อนำเสนอต่อภาครัฐที่มีอำนาจดำเนินการต่อไป การรวบรวมความคิดเห็นของ
แต่ละสมาคมเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การดำเนินงานของวันนี้ และอาจจะไปขอความเห็นเพิ่มเติมจากสมาคมอื่นๆ ที่
เกี่ยวข้องที่ไม่ได้มาร่วมประชุม แล้วจึงมากำหนดเรื่องภาพใหญ่ของเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีผลต่อภาคอุตสาหกรรม กรอบ
ระยะเวลา และยุทธศาสตร์การดำเนินงานที่เหมาะสม ตลอดจนวิธีการทำงานของภาคเอกชนควบคู่ไปกับหน่วยงาน
ภาครัฐต่อไปในอนาคต
นิยามของ Digital Economy
แนวทางของ Digital Economy มองว่าเป็นยุคของการใช้ดิจิทัลเข้ามาช่วยลดต้นทุน ตั้งแต่การทำ G2G, G2B
หรือ G2C มองว่าภาครัฐตอนนี้ยังไม่มีการทำงานแบบ G2G เช่น การประมูลงานกับกระทรวงคมนาคม เอกชนยังต้อง
ไปจดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์แต่ตอนนี้ระบบยังไม่เชื่อมโยงกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงคมนาคม
หรือ ในกรณีของ G2B มีเรื่องของการทำภาษีขาย หรือ ในกรณีของ G2C มีเรื่องของการทำ mobile payment ให้กับ
ภาคประชาชน ดังนั้น การทำ digital economy คือ ทำอย่างไรให้การบริการภาครัฐกับภาคส่วนต่างๆ มี
ประสิทธิภาพและมีกลไกที่ทำงานได้จริง ทำอย่างไรให้ภาครัฐมีโครงสร้างพื้นฐาน และ application ที่ตอบโจทย์ของ
ภาคเอกชนได้
Digital Economy ประกอบไปด้วย 3 ส่วนที่สำคัญ คือ Digitized Government, Digitized Enterprise
และ Digitized Citizen เช่น การแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นหากมีการทำ open data ของหน่วยงานภาครัฐผ่านระบบ
ออนไลน์ จะทำให้การดำเนินงานมีความโปร่งใสมากขึ้น ปัจจุบันในส่วนของภาคประชาชนมีการใช้ไอทีมากอยู่แล้วไม่
ว่าจะเป็นเฟซบุ๊คหรือโมบายแอพพลิเคชั่น แต่สำหรับการทำ digitize enterprise ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะปัจจุบัน
ภาคธุรกิจจำนวนมากยังไม่ค่อยมีการใช้งานไอที โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs ดังนั้น การส่งเสริมและเชื่อมโยงระบบ
supply chain ของประเทศจึงยังไม่เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม ภาคเอกชนอยากเห็นการ shift paradigm ของบริษัทขนาด
ใหญ่และขนาดเล็ก ไปจนถึงธุรกิจเล็กมากๆ อย่าง OTOP ให้เข้ามารวมเป็น supply chain เดียวกัน ซึ่งจะส่งผลให้
ประเทศไทยหลุดออกจาก middle income trap ได้
เมื่อพิจารณาบริบทของการพัฒนาประเทศในภาพใหญ่ พบว่า การพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและบริการ
การของโลก มีพัฒนาการจากสังคมเกษตรไปสู่สังคมอุตสาหกรรมไปสู่สังคมบริการและไปสู่สังคมการเรียนรู้ ซึี่งเป็น
- 2. เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างแท้จริง ประเทศที่พัฒนาแล้วสัดส่วนของ GDP ของภาคบริการเฉลี่ยประมาณ 70% ประเทศ
กำลังพัฒนา GDP สัดส่วนของภาคบริการอยู่ระหว่าง 60% ของประเทศไทยสัดส่วนอยู่ทีี่ประมาณ 52% แต่
พัฒนาการนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเศรษฐกิจดิจิทัลเท่านั้น เพราะเศรษฐกิจดิจิทัล คือ เศรษฐกิจที่ใช้ความรู้เป็นหลัก
และมีการแบ่งปันความรู้โดยใช้ ICT เป็นพื้นฐาน ถ้าหากประเทศไทยต้องการก้าวพ้นจาก middle income trap เรา
ต้องมองเรื่องของการนำความรู้มาใช้ต่อยอดทางธุรกิจให้กลายเป็น new business ไม่ใช่มองแค่ ICT จะไปเพิ่มการส่ง
ออกหรือเพิ่ม GDP ได้อย่างไร ถ้าภาครัฐมองแค่นี้ก็ไม่สามารถทำเศรษฐกิจดิจิทัลได้ ต้องมองไปเรื่องของอนาคตที่มี
การเพิ่มการจ้างงานหรือลดความเหลื่อมล้ำของรายได้บนพื้นฐานของ knowledge based economy ที่ให้บริการใน
ลักษณะที่เป็น high value service ในทุก sector เช่น การท่องเที่ยว การแพทย์ โลจิสติกส์ เกษตร เป็นต้น
Service Structure
Logistics
&
Transport
50%
Others
50%
IT
Services
eGov
Healthcare
Travel
โครงสร้างภาคบริการของโลกปี 2010 บริการไอทีมีมูลค่าประมาณ 2% ของบริการอื่นๆ (others 50%) หรือ
คิดเป็นมูลค่า 6 แสนล้านดอลล่าร์ คำถามคือประเทศไทยสามารถมีส่วนแบ่งใน 2% นั้นได้หรือไม่ ถ้าจะทำให้ได้ต้องเต
รียมความพร้อมอะไรบ้าง ดังนั้น ต้องย้อนกลับมาดูว่าประเทศไทยเก่งเรื่องอะไร แล้วจะเอาบริการไอทีไปเสริมอะไรก็
จะสามารถออกจาก middle income trap ได้
นอกจากจะมองว่าจะสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างไร ในปัจจุบันเราอาจจะต้องคิดในมุมกลับด้วยว่า ประเทศไทย
จะ survive อย่างไรในเศรษฐกิจดิจิทัล เพราะยุคดิจิทัลมาถึงแล้วและประเทศไทยเป็นเพียงผู้ตามกระแสของดิจิทัลไม่
ได้เป็นผู้สร้างเทคโนโลยี เราจะปรับตัวอย่างไรกับกระแสของเทคโนโลยีเป็นโจทย์ที่สำคัญมาก ประเด็นคือต้องมีการจัด
ระเบียบ สร้างความโปร่งใส เพิ่ม mobility & automation สร้างระบบเพื่อบริหารจัดการเตรียมพร้อมเข้าสู่ยุค
digital economy เราไม่ได้สร้างใหม่แต่ดูว่าจะอยู่กับมันอย่างไร IT เป็นแค่เครื่องมือช่วยสนับสนุนในด้านต่างๆ ให้เรา
สามารถอยู่รอดได้ในยุคดิจิทัล
ประเด็นเรื่องเป้าหมาย
บางประเทศไม่สนใจเศรษฐกิจดิจิทัล บางประเทศใช้แบบผสมผสาน เช่น ฝรั่งเศสมีการ digitize บางส่วนที่
ตอบโจทย์เศรษฐกิจของประเทศ เช่น อุตสาหกรรมน้ำหอม ขณะที่ประเทศอินเดียมีการทำ digitize เต็่มตัว ประเทศ
ไต้หวัน digitize เป็น semiconductor country ประเทศไทยยังไม่มีเป้าหมายว่าเราจะ digitize หรือแค่เกาะกระแส
เพื่ออยู่รอด เช่น เอา digital มาเสริมภาคเกษตร เสริมการท่องเที่ยว หรือ จะไปทำ digitize เต็มตัวอย่างไต้หวันและ
อินเดีย แล้วอุตสาหกรรมอะไรที่ตั้งเป้าว่าควรจะเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นเป้าหมายหลักของประเทศ ถ้ามีเป้าหมายที่จะ
- 3. digitized มากเกินไปจะทำให้ไม่ประสบผลสำเร็จ บทเรียนของต่างประเทศเกือบทุกประเทศต่างเลือกอุตสาหกรรมใด
อุตสาหกรรมหนึ่งที่ตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นดิจิทัลจริงจัง เช่น ประเทศเกาหลีตั้งเป้าเรื่อง digital content ประเทศ
ไต้หวันตั้งเป้าเรื่อง semiconductor เป็นต้น
ในประเด็นเรื่องของเป้าหมาย อาจต้องตกลงกันก่อนว่าเป็นการมองเป้าหมายของกรอบคนไอทีที่จะตอบรับ
เศรษฐกิจดิจิทัล หรือ มองในกรอบภาคส่วนอื่นๆ ที่จะเอาไอทีไปต่อยอด หรือ จะมองในลักษณะของการเป็น
integrator ที่ผ่านมาประเทศไทยเป็น user มากกว่าเป็นคน supply เช่น อุปกรณ์เกือบหมดใช้ของต่างประเทศ
บริการหลายๆ อย่างก็ใช้ของต่างประเทศ อาจจะตั้งเป้าหมายว่าลดการใช้สินค้าและบริการจากต่างประเทศก่อน หรือ
ตั้งเป้าว่าจะต้องพัฒนาบุคลากรก่อน (เท่าไหร่จึงจะพอ) ตอนนี้เรามี internet penetration เกือบครึ่ง แต่ไปกระจุก
อยู่ในเมือง ยังไม่ได้กระจายเครือข่ายให้ครอบคลุม ในเรื่องของภาครัฐอาจจะต้องช่วยคิดว่าจะให้รัฐไปเพิ่มบริการ
ออนไลน์ให้กับประชาชนมากกว่านี้ได้หรือไม่ (application ที่เป็นที่ต้องการของประชาชนที่อยากให้ภาครัฐทำมีอะไร
บ้าง ใครเป็นคนทำ คนไอทีพร้อมหรือยังหากภาครัฐโยนโจทย์มาให้ทำ) สุดท้ายจะต้องกลับมาดูเรื่องของโครงสร้างพื่้น
ฐานว่าประเทศไทยมีความพร้อมหรือไม่ critical infrastructure มีความสำคัญและจะออกแบบอย่างไรให้โครงสร้าง
พื้นฐานมีความมั่นคงปลอดภัย และมีเสถียรภาพ
อยากให้เป้าหมายมีความชัดเจน เช่น อีก 10 ปีอยากให้มีบริษัท IT ไทยเติบโตเท่าไหร่ อยากให้มีบริษัททาง
ด้าน IT ที่มีมูลค่า 1000-5000 ล้านบาท (ประมาณ 20 บริษัท) ลดต้นทุนการบริหารงานด้วย IT, ให้ประเทศไทยมี
ดัชนีติด 1 ใน 10 ใน IMD หรือ WEF หรือ อีก 6 ปีผลิตบุคลากรเพิ่มขึ้น 40% แต่ปัจจุบัน SME ไทยยังไม่รู้จักการใช้
IT เลยเราจะเอาเรื่อง big data และ data scientist มาใช้อย่างไร เมืองไทยมีบุคลากรด้านนี้หรือไม่ น่าจะต้องทำเป็น
ขั้นตอนอาจจะคุยกันวันเดียวไม่จบ
การทำดิจิทัลต้องมีเรื่องของ enabler ที่จำเป็นและต้องมีการเปลี่ยน mindset ของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
หากมอง enabler ทางด้าน policy จะทำอย่างไรให้ทุกกระทรวงผลักดันให้มีนโยบายดิจิทัลของตัวเองเพื่อตอบโจทย์
digital economy จากนั้นเรามีช่องว่างของ rules & regulation อะไรบ้างที่ไม่ได้ช่วย enabler แต่เป็นอุปสรรคของ
เศรษฐกิจดิจิทัล จากนั้นไปดูเรื่องของ integration จะทำให้แต่ละภาคส่วนแต่ละระบบเชื่อมโยงกันได้อย่างไร ต้อง
สร้าง integrator ภายใต้กล่องเดียวกัน ทางฝั่งของผู้ประกอบการเองจะหาบริษัทใหญ่ไม่ง่ายแต่มีบริษัทเล็กเยอะมาก
ซึ่งบริษัทเล็กๆ ไม่มีเรื่องของงานวิจัย ทำอย่างไรให้ SMEs ต่อยอดได้ ทำอย่างไรให้ธุรกิจกับผู้ที่ enabler มาคุยกัน
อย่างจริงจังแล้วมีหน่วยงาน R&D มาสร้าง enabler ให้ภาคธุรกิจเอาไปต่อยอดเพื่อพัฒนาธุรกิจ จะทำเรื่อง standard
อย่างไรในเรื่องของ data เพราะแต่ละหน่วยงานมาตรฐานข้อมูลไม่ตรงกัน สุดท้ายต้องมี enabler เรื่อง security
policy ความเป็นส่วนตัวของการใช้ข้อมูลไม่มี ไม่มีตัวแทนประเทศไทยไปต่อรองกับ google หรือ facebook ใน
เงื่อนไขการใช้งาน ต้องกลับมามองว่าจุดแข็งของประเทศไทยคืออะไร เช่น ต้องการให้ท่องเที่ยวออนไลน์ทั้งระบบ
เชื่อมกับสถานที่ท่องเที่ยว (ทำเป็น flagship) เราอาจจะไม่ได้มองว่าจะต้องใช้เฉพาะของไทย อาจจะใช้ของต่างชาติมา
shortcut อุตสาหกรรมเกษตร ยานยนต์ โลจิสติกส์ ตั้งเป้าหมายให้กลุ่มพวกนี้เป็น pilot ก่อน ขณะที่เรื่องขนาดธุรกิจ
ก็เป็นเรื่องสำคัญมากต้องสร้าง national IT enterprise ของประเทศขึ้นมาก่อนหรือเปล่า
ประเทศไทยไม่ได้มีการตั้งธงไว้ว่าทิศทาง เป้าหมายของประเทศที่ตั้งใจจะไปเป็นอย่างไร ไปทางไหน ไม่มี
พิมพ์เขียวจริงจัง ดังนั้น ในเรื่องของเป้าหมายเสนอให้มีเรื่องการสร้าง KPI Enabler ของประเทศด้วยว่าประเทศไทย
ต้องการอะไร และอะไรที่เป็น strategic goal จริงๆ สมมติว่าไทยอยากจะเป็น medical service ก็มาดูว่าขาดอะไร
แล้วเสริมตรงนั้น สร้างเครื่องมือเข้ามาเสริมกับภาคธุรกิจ ควรจะคิดเป็น solution แล้วเสนอทีเดียวเลย ตั้ง KPI ให้ชัด
และเป็น KPI ที่ตั้งแล้วทำได้เลย
Thailand startup association เสนอเป้าหมายการนำ IT มาเพิ่ม productivity ของธุรกิจเกิดใหม่ใน 3
เรื่อง คือ การลด regulation, incentive ภาษี, ช่องทางการระดมทุนและการรับทุน นอกจากนี้ ต้องมี vision ให้
ชัดเจน สรุปเป้าของสมาคมฯ mission จะแค่พยายาม survive หรือ พอเกาะกระแส หรือ จะเป็น leader
- 4. อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมเห็นตรงกันว่าประเด็น digital economy ในวันนี้ไม่สามารถมองแค่การนำ IT มาใช้
ประโยชน์กับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ต้องมองภาพของประเทศไทย ที่มีช่องว่างระหว่างคนในเมืองกับคนในต่างจังหวัด
เราจะ shortcut หรือไม่ ทำได้อย่างไรเพราะเป็นเรื่องของประเทศไม่ใช่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ในระยะยาวเราจะมีปัญหา
โครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งตอนนี้เราต้องมองเรื่องของปัญหาโครงสร้างพื้นฐานก่อน การคุยเรื่องของประเทศถ้าไม่มีภาพใหญ่
เป็นกรอบแนวคิด จะทำให้เป็นลักษณะต่างคนต่างทำเหมือนปัจจุบัน ซึ่งไม่ได้ประโยชน์อะไร แต่ต้องมองว่าจะผลักดัน
งานของตัวเองภายใต้กรอบใหญ่เดียวกันอย่างไร การประชุมวันนี้อาจจะยังไม่ได้ KPI ที่ชัดเจนแต่ต้องเอากรอบแนวคิด
ก่อนที่เป็นแกนให้ทุกกระทรวงทุกหน่วยงานทุกบริษัทเอาไปปฏิบัติได้
สิ่งที่ภาคเอกชนจะทำควรจะมองภาพใหญ่ของประเทศ KPI ควรจะเป็นเรื่อง ICT ไม่ใช่เศรษฐกิจ อาจจะต้อง
ไปดูเรื่องสังคมเพิ่มขึ้น รวมถึงผู้ประกอบการที่เป็นผู้ใช้ (เช่น คนที่ซื้อซอฟต์แวร์ไปใช้ต่อ) นอกจากนี้ ต้องมีเรื่องของ
กลไกการขับเคลื่อนอย่างกองทุน หรือ การปรับปรุงกติกาเงื่อนไขที่เป็นปัญหาอุปสรรคอยู่ในปัจจุบัน ตลอดจนต้องมา
ช่วยกันคิดว่าเป้าหมายภาพใหญ่ระดับประเทศคืออะไร อาจะต้องนำเสนอกรอบโครงสร้างการทำงานที่มีภาคเอกชน
เข้าไปร่วม หรือ อาจจะต้องมีการฟอร์มเป็นตัวแทนของภาคเอกชนไปทำงานกับคณะกรรมการชุดใหญ่ เรื่องของ
process ที่แตกต่างกันของแต่ละหน่วยงาน เรืื่องของกฎหมาย กฎระเบียบ ให้สภาไอซีทีทำงานเป็น task force ร่วม
กับภาครัฐ เป็นต้น
สรุปเป้าหมายของเศรษฐกิจดิจิทัล
เป้าหมายเชิงนโยบายอาจมองได้ 6 ส่วนหลักๆ คือ 1) การนำ IT ไปใช้ enabler ในแต่ละภาคส่วน เช่น
eGov, e-health, e-citizen, e-social, e-tourism 2) การปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ ที่มาตอบโจทย์การ
enabler ที่กำลังจะทำให้เกิดขึ้น (อาจจะต้องมีหน่วยงานหลักและผลักดันอย่างจริงจัง) 3) integrator ประสานแต่ละ
enabler ด้วยกันและทำให้ภาพค่อยๆ ใหญ่ขึ้น 4) technology ทำตั้งแต่ R&D จนไปต่อยอดเชิงพาณิชย์ ทำฐาน
ข้อมูลกลางสำหรับเอกชนดึงไปใช้ต่อยอดเชิงธุรกิจ 5) Standardization จะเอามาตรฐานอย่างไรในเรื่องของ SLA
และ information exchange 6) security ภายในประเทศ เงื่อนไขนโยบายเชิงกฎหมาย กฎระเบียบ เช่น การ
คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
นอกจากนี้ อาจจะมีเป้าหมายอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การบริการของภาครัฐ เช่น การเชื่อมโยงฐานข้อมูลภาครัฐ
การเปิดเผยข้อมูล (open data) เป็นต้น การตั้งกองทุน 10,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนภาคธุรกิจที่มีการนำ IT มา
เสริมศักยภาพ และการปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ ที่เป็นอุปสรรคกับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล
ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล
1. ยุคดิจิทัลต้องมองบริบทที่ใหญ่กว่ากระทรวงหรือหน่วยงานภาครัฐ กระทรวง ICT ทำหน้าที่เป็น enabler
ในการนำ ICT ไปประยุกต์ใช้ ควรจะต้องมีนายกสารสนเทศ (CIO) ที่เป็นคนกลาง enabler ให้กับภาคส่วนต่างๆ ของ
ประเทศ ต้องรู้วิธีการจัดการเรื่องต่างๆ โดยการประยุกต์ใช้ดิิจิทัล เดิมแต่ละกระทรวงฯ มีงบไอทีของตัวเอง และแยก
ส่วนกันดำเนินงาน ไม่ได้ทำงานร่วมกัน เช่น การทำพาสปอร์ต กับระบบบัตรประชาชน หรือบัตรประกันสุขภาพ ไม่มี
การบูรณาการข้อมูลร่วมกันระหว่างหน่วยงาน ทำให้เสียเวลามากกับเรื่องของการขอรับบริการภาครัฐ
2. ทำเรื่องของมาตรฐานกลางที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ เช่น มาตรฐานกลางเชื่อมต่อข้อมูลภาคเอกชน (front end, back end middleware & API) และ
มาตรฐานกลางเชื่อมต่อข้อมูลภาครัฐ (middleware & API)
- 5. 3. การสร้าง demand ฝั่งผู้ใช้อาจจะต้องเริ่มเป็น cluster สร้างทีละ cluster ให้เห็นผลก่อน แล้วค่อยขยาย
cluster ไปเรื่อยๆ เช่น ท่องเที่ยว โลจิสติกส์ การแพทย์
4. ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนควรจะครอบคลุมทุกบริบท ได้แก่ 1. strategy 2. เชิงนโยบาย และ 3.เชิง
กฎหมายที่จะต้องเปลี่ยนแปลง 4.เศรษฐกิจ 5.แพลตฟอร์ม cloud, mobility, social security 6.การสร้างคน และ
7.international trade หรือ การใช้ประโยชน์จากการค้าระหว่างประเทศ
การประชุมครั้งต่อไป
ประชุมครั้งต่อไปเรื่องการจัดทำกรอบแนวคิด หรือ โครงสร้างของแต่ละสมาคม เพื่อมารวมกันเป็นภาพใหญ่
ของ ICT ที่เป็นรูปธรรม
ประชุมครั้งต่อไปวันจันทร์ที่ 20 ตึกเอ็มไพร์ A ชั้น 31 (บริษัท tarad)