นางวันดี อยู่ขันสวัสดิ์ ผู้ดูแลเจ้าแก้ว เปิดเผยผ่านรายการเป็นเรื่องเป็นข่าวทางช่องพีพีทีวี ว่า ตนเลี้ยงดูเจ้าแก้วมาตั้งแต่อายุ 1 เดือนหลังมีญาติโยมนำมาถวายหลวงปู่ที่สำนักสงฆ์ และยืนยันว่าเจ้าแก้วมีนิสัยไม่ดุร้าย ส่วนสาเหตุจากคำบอกเหล่าของผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่า ผู้เสียหายเอื้อมแขนไปดึงหูหมูเพื่อนำหมูไปเลี้ยง เจ้าแก้วได้ยินเสียงหมูร้องจึงเข้ามาหานายฝน เนื่องจากอาจเป็นห่วงหมูเพราะโตมาด้วยกัน อีกทั้งก่อนหน้านี้ เมื่อเจ้าแก้วได้ยินเสียงหมูในกรงร้อง ก็จะรีบพุ่งเข้ามาหาทันที
นอกจากนี้นางวันดี ยังยืนยันว่า เจ้าแก้ว ไม่มีเจตนาทำร้ายนายฝน คาดว่าเจ้าแก้วเพียงแค่หยอกเล่นแต่ด้วยพละกำลังของหมีที่มีมากกว่าคนจึงทำให้นายฝนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถ้าหมีตั้งใจทำร้ายนายฝนจริง คงถึงขั้นเสียชีวิต
สอดคล้องกับ นายสัตวแพทย์ภัทรพล มณีอ่อน ที่ปรึกษามูลนิธิสืบนาคะเสถียร ที่เชื่อว่าหมีตัวนี้มีลักษณะไม่ดุร้ายตามคำบอกเล่าของผู้เลี้ยงดู เพราะหมีควายตัวดังกล่าวถูกคนเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก แต่การที่หมีเข้าทำร้ายคนเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย หมีอาจรู้สึกตกใจที่มีคนแปลกหน้าเข้ามากรงและมาจับหมูไป รวมถึงสภาพอากาศที่ร้อนจัดเป็นมูลเหตุกระตุ้นให้หมีเกิดความเครียด จึงก่อเหตุทำร้ายนายฝน
ส่วนวิธีการเอาตัวรอดจากหมี นายสัตวแพทย์ภัทรพล แนะนำว่า ควรตั้งสติและพยายามคว้าไม้ หรือวัตถุที่สามารถป้องกันตัวได้ ก่อนตีไปที่จมูก เนื่องจากจมูกของหมีคือจุดรวมประสาททั้งหมด เมื่อโดนตีจมูกหมีจะถอยออกห่าง ส่วนวิธีการแกล้งตายไม่สามารถใช้ได้ในประเทศไทยเนื่องจากตามปกติหมีจะดมเหยื่อก่อนกัด ซึ่งแสดงออกถึงความอยากรู้อยากเห็น และถ้าใครแกล้งตายหมีจะได้กลิ่นเหงื่อและจะกัดเพราะความสงสัย ดังนั้นเมื่อเจอหมีไม่ควรแกล้งตาย แต่วิธีดังกล่าวจะใช้ได้ในพื้นที่ที่มีอากาศหนาว หรือมีหิมะ เพราะความหนาวจะทำให้จมูกซึ่งเป็นปลายประสาทของหมีชาและจะไม่ได้รับกลิ่นใดๆ
สำหรับเจ้าแก้ว นายธนพร ถนอมวัฒนันต์ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า ถูกนำตัวมาเลี้ยงดูที่สถาบันเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาค้อ เนื่องจากหากปล่อยไว้อาจเกิดความไม่ปลอดภัยแก่ชาวบ้านที่เดินทางมาสำนักสงฆ์ และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเจ้าแก้วมีลักษณะไม่ดุร้าย และคาดว่าเหตุอาจเกิดจากผู้เสียหายเข้าไปไกลหมีมากเกินไปจนโดนทำร้าย